โรงงาน OEM ครีมกันแดด รู้ก่อนทำแบรนด์ ลุยก่อน ปังก่อน

โรงงาน OEM ครีมกันแดด รู้ก่อนทำแบรนด์ ลุยก่อน ปังก่อน

วันนี้โรงงานผลิตครีมกันแดด ปริยวิศว์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด จะมาแนะนำการปั้นการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดสู่ตลาด ประเทศไทยเป็นประเทศ 3 ฤดูการที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยน แต่ยังไงต้องเจออากาศร้อนและแดดอันอบอ้าวในทุกฤดูอย่างแน่นอน ทำให้ครีมกันแดด นั้นกลายเป็นเครื่องสำอางที่จำเป็นในทุกๆวัน และทุกๆคน รวมทั้งใช้ทาผิวพรรณเพื่อป้องกันแสงแดดอยู่เป็นประจำ โรงงาน OEM ครีมกันแดด ขอยกให้เป็นสินค้ายอดนิยมที่สร้างยอดขายกับหลายๆแบรนด์ได้อย่างถล่มทลายในทุกไตรมาสเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจึงมาแนะนำ ประเภทครีมกันแดด รวมถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ ใครที่กำลังอยากสร้างแบรนด์สินค้า หรือกำลังอยากสร้างแบรนด์ครีมกันแดดมาขายสู่ท้องตลาด ข้อมูลดีๆ จากโรงงานผลิตครีม ที่รู้ก่อนขายก่อน ลุยก่อนปังแน่นอน

1. แบ่งตามบริเวณที่ใช้ทา

• ครีมกันแดดสำหรับทาผิวหน้า ผิวหน้าถือเป็นบริเวณที่ผิวค่อนข้างบอบบาง ง่ายต่อการเกิดอาการแพ้ ฉะนั้นครีมกันแดดสำหรับทาหน้าจึงถูกแยกประเภท ซึ่งโรงงานผลิตสกินแคร์ส่วนมากนิยมนำไททาเนียมไดออกไซด์ หรือซิงค์ออกไซด์มาใช้เป็นส่วนผสม เพราะมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ทุกชนิด
• ครีมกันแดดสำหรับทาผิวกาย ผิวกายมักเป็นผิวแพ้ยาก จึงมีส่วนผสมของสารเคมีที่หลากหลายกว่า ซึ่งสารเคมีที่ใช้ส่วนมากจะทำหน้าที่สะท้อนหรือดูดซับรังสี UVB โดยประสิทธิภาพนั้นจะวัดเป็นค่า ที่หลายคนคิดว่ายิ่ง SPF มากก็ยิ่งกันแดดได้มาก แต่จริง ๆ แล้ว SPF สามารถป้องกันได้แค่รังสี UVB เท่านั้น ในแสงแดดยังมีรังสีชนิดอื่นอีกมาก จึงควรทำครีมที่สามารถปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม

1. แบ่งตามคุณสมบัติ

• สะท้อนรังสี โดยส่วนมากนิยมนำมาทำครีมกันแดดหน้า เพราะมีไททาเนียมไดออกไซด์ หรือซิงค์ออกไซด์ ที่ช่วยป้องกันรังสี UV ด้วยวิธีสะท้อนหรือกระจายรังสีออกจากผิว ครีมจะซึมเข้าผิวหนังเพียงเล็กน้อย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง เพราะไม่เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ข้อดีคือ ป้องกันแสงแดดได้นาน ไม่ต้องทาบ่อย ๆ 
• ดูดซับรังสี สำหรับครีมกันแดดประเภทดูดซับรังสีนั้น วิธีการทำงานของครีมประเภทนี้ คือทำหน้าที่เคลือบผิวไม่ให้รังสีบางส่วนสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง ซึ่งสารเคมีที่นิยมใช้ทำครีมกันแดดแบบดูดซับรังสีนั้นก็จะเป็น PABA, Cinnamates หรือ Oxybenzone ซึ่งอาจเกิดอาการแพ้ได้บ้างสำหรับบางคน และไม่เหมาะใช้สำหรับผู้ที่ตากแดดเป็นเวลานาน เพราะหากสารดูดซับรังสีไว้เต็มที่แล้ว จะไม่สามารถดูดซับเพิ่มได้อีก ทำให้ไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ 
• แบบผสม เป็นครีมกันแดดที่ถูกพัฒนาด้วยการดึงเอาข้อดีของแบบสะท้อนรังสีและดูดซับรังสีเข้าด้วยกัน ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานถูกยกระดับขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมในโรงงานผลิตสกินแคร์ ดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดในท้องตลาดที่เป็นแบบผสม

SPF ในครีมกันแดดต้องกำหนดให้เป็นเคล็ดลับดีๆ ที่โรงงาน OEM ครีมกันแดด อยากบอก

SPF (Sunburn Protection Factor) คือ ค่าที่แสดงประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVB ของครีมกันแดด ซึ่งเน้นย้ำว่าแค่รังสี UVB ที่มีผลต่อเการเกิดผิวแดงไหม้เท่านั้น จึงทำให้ครีมกันแดดที่โรงงานผลิตสกินแคร์ผลิตนั้น นิยมทำให้ค่า SPF สูง ๆ เพื่อให้สามารถอยู่กลางแดดได้นานขึ้น แต่อย่างไรก็ตามครีมกันแดดที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่า SPF แต่เพียงอย่างเดียว ยังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย อาทิ รังสี UVA ที่ต้องปกป้องไม่ให้สัมผัสร่างกายเช่นกัน เพราะเป็นรังสีที่ค่อนข้างอันตรายหากสัมผัสนาน ๆ อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น รุนแรงถึงขั้นก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

โรงงาน OEM ครีมกันแดด ฝากเน้นย้ำ สารอันตรายที่ไม่ควรมีในครีมกันแดด

เพื่อให้รู้เท่าทัน โรงงานผลิตสกินแคร์ คุณในฐานะเจ้าของแบรนด์ควรต้องทราบว่าสารอันตรายตัวไหนบ้างที่ไม่ควรไปอยู่ในครีมกันแดดของคุณ หรือเป็นส่วนผสมได้แต่ต้องควบคุมปริมาณให้เหมาะสม ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีอยู่แค่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ

1. ออกซีเบนโซน สารกันแดดที่ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแดดไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้หากใช้ผลิต ต้องใช้ในปริมาณที่เข้มข้นค่อนข้างมาก ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้
2. ไฮโดรควิโนน สารช่วยขาว หรือสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างเมลานิน หรือเม็ดสีของผิว ผิวจึงดูขาวไม่หมองคล้ำจากแสงแดด ซึ่งหากเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้เป็นส่วนผสมไม่เกิน 2% หรือมากน้อยกว่านั้นตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
3. พาราเบน สารกันเสียที่โรงงานผลิตสกินแคร์มักนำไปใช้เป็นส่วนผสมในครีมเกือบทุกประเภท ซึ่งตัวพาราเบนนั้น มีฤทธิ์ยับยังการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน จึงควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยชาญ

สารปรอท โลหะหนักที่จะสร้างพิษสะสมให้กับร่างกาย โดยสารปรอทจะมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี จึงช่วยให้ลดการเกิดผิวหมองคล้ำบนใบหน้าและลำตัว ซึ่งสารปรอทนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นสารที่ห้ามนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางทุกชนิด